เมื่อโหย่วอายุ 21 ปี เธอได้เข้าประกวดนางงามมาเลเซีย (Miss Malaysia) และสามารถคว้ามงกุฎมาครองได้ในปี 1983 จนเธอได้ถ่ายโฆษณาของปิแอร์ การ์แดง ประชันกับเฉินหลงและโจวเหวินฟะ และได้มีโอกาสแสดงภาพยนตร์ของค่าย D&B Films ฮ่องกง โหย่วแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกคือ The Owl and Dumbo:คู่ซ่าส์จอมแสบ (1984) ร่วมกับ หลิน จื่อเสียง และหงจินเป่า [1] ในช่วงแรกเธอใช้ชื่อในวงการว่า มิเชล คาน

ราชินีนักบู๊

ภาพยนตร์ที่สร้างชื่อให้เธอคือภาพยนตร์แอกชัน Yes Madam! โอ้โห ซือเจ๊ (1985) ภาพยนตร์แนว girls-with-guns เรื่องแรกของฮ่องกง โหย่วรับบทนำร่วมกับ ซินเธีย ร็อทร็อก โดยสามารถทำรายได้ถึง 10 กว่าล้านเหรียญฮ่องกง รวมถึงได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมเวทีฮ่องกง ฟิล์ม อะวอร์ด (Hong Kong Film Award) จากนั้นเธอก็มีผลงานการแสดงในฮ่องกงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะภาพยนตร์แอกชัน อย่าง Royal Warriors โคตรอันตราย..คู่คู่ (1986) รับบทตำรวจฮ่องกงหญิงที่เชี่ยวชาญด้านกังฟู แสดงร่วมกับ ซานาดะ ฮิโรยูกิ และไมเคิล หว่อง, Magnificent Warriors ดุ ดุ ดุ หรือ โอ้โห..ซือเจ๊ 2 (1987) รับบทนักผจญภัยต่อกรกับกองทัพญี่ปุ่นช่วงทศวรรษที่ 1930s จากบทบาทการแสดงบทบู๊ที่โดดเด่น มิเชล โหย่ว ได้ฉายาว่า ราชินีนักบู๊[2] และซือเจ๊[3]

หลังจากแต่งงานโหย่วได้งดการแสดง ก่อนจะกลับมาแสดงภาพยนตร์อีกครั้งในปี 1992 และประสบความสำเร็จสูงในภาพยนตร์ตำรวจชุดอย่าง วิ่งสู้ฟัด 3 รับบทตำรวจสาวจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่มาร่วมภารกิจกับตำรวจจากฮ่องกง ที่รับบทโดย เฉินหลง ซึ่งได้มาถ่ายทำที่ประเทศมาเลเซียบ้านเกิดของเธอด้วย ทำให้ชื่อเสียงของเธอดังไปทั่วโลก เป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่พูดภาษาจีนที่มีรายได้สูงสุดของโลก เป็นหนึ่งในดารานำหญิงเพียงคนเดียวที่เฉินหลงยินยอมให้แสดงบทเสี่ยงภัย โดยเฉพาะฉากเสี่ยงตายบนรถไฟเป็นฉากที่คนดูจดจำ[1] ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้มีโอกาสไปฉายที่สหรัฐอเมริกาในปี 1996 ในชื่อ Supercop[4]

จากนั้นมิเชล โหย่ว ได้มีงานแสดงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่แล้วเป็นแนวแอกชันและแนวกำลังภายใน เรื่องที่โดดเด่นได้แก่ The Heroic Trio สวยประหาร และ Executioners : สวยประหาร 2 (1993) ภาพยนตร์ที่รวมนางเอกฮ่องกงแห่งยุค ร่วมกับ เหมย ยั่นฟาง และ จางม่านอวี้ [5], Butterfly and Sword กระบี่ผีเสื้อบารมีสะท้านภพ (1993) ภาพยนตร์กำลังภายใน ร่วมกับ เหลียงเฉาเหว่ย เจินจื่อตัน หลินจื้ออิ่ง และหวังจู่เสียน, Tai Chi Master : มังกรไท้เก็ก คนไม่ยอมคน (1993) ภาพยนตร์กังฟูร่วมกับ หลี่ เหลียนเจี๋ย, ภาคแยกของวิ่งสู้ฟัด 3 คือ Supercop 2 วิ่งสู้ฟัด ตอน ซือเจ้ฟัดเอง (1993) ซึ่งตัวละครที่เธอได้แสดงไว้จะรับบทนำเดี่ยวในภาคนี้[6], ภาพยนตร์แอกชันกังฟู Wing Chun หย่งชุน หมัดสั้นสะท้านบู๊ลิ้ม รับบท เหยียน หย่งชุน ผู้ให้กำเนิดมวยหย่งชุน และแสดงร่วมกับ เจินจื่อตัน[7]

นอกจากนั้นยังมีภาพยนตร์ดราม่าได้แก่ The Soong Sisters (1997) รับบท ซ่ง อ้ายหลิง ซึ่งทำให้มิเชล โหย่ว ได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมเวทีฮ่องกง ฟิล์ม อะวอร์ด (Hong Kong Film Award)

สู่ระดับนานาชาติ

มิเชล โหย่ว มีโอกาสแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดครั้งแรกในเจมส์ บอนด์ ตอนที่ 18 ที่มีชื่อว่า Tomorrow Never Dies (1997) ผลงานกำกับของ โรเจอร์ สปอตติสวู้ด โดยร่วมแสดงกับ เพียร์ซ บรอสแนน, เทรี่ แฮทเชอร์ และ โจนาธาน ไพรซ์ กับบท ไหว่หลิน สาวบอนด์ สายลับของจีนที่ร่วมปฏิบัติการลับกับ เจมส์ บอนด์ โหย่วในบทไหว่หลินเป็นที่รู้จักกับการเป็นสาวบอนด์ที่บู๊ได้ และนักแสดงเอเชียคนเดียวที่เป็นนางเอกในแฟรนไชส์นี้[3]

ตามด้วยการประสบความสำเร็จอย่างสูงกับหนังแอ็คชั่น-กำลังภายในเรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon พยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก (2000) ของอั้งลี่ ในบทจอมยุทธ์หยูซูเหลียน ร่วมแสดงกับ โจวเหวินฟะ, จาง จื่ออี๋, จางเจิ้น และ เจิ้งเพ่ยเพ่ย โดยสามารถทำเงินผ่านหลักร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ และคว้า 4 รางวัลออสการ์ รวมถึงภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม สำหรับเธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมจากเวที BAFTA Film Award, Saturn Award, TFCA Award, Golden Horse Award, Hong Kong Film Award และ VFCC Award [1]

หลังจากนั้นมิเชล โหย่ว ได้ชิมลางเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ฮ่องกงร่วมกับแสดงนำ ในภาพยนตร์แอกชันเรื่อง The Touch ฟัดสัมผัสพิสดาร (2002) และ Sliver Hawk เหยี่ยวเหิร ฟัดมหากาฬ (2004)

ปี 2005 มิเชล โหย่ว หวนคืนสู่ฮอลลีวู้ดในเรื่อง Memoirs of a Geisha นางโลมโลกจารึก (2005) ผลงานของ ร๊อบ มาร์แชลล์ โดยร่วมแสดงกับ จาง จื่ออี๋, กงลี่ และ เคน วาตานาเบ้ [8]จากนั้นมีผลงานภาพยนตร์ตะวันตกอีกหลายเรื่อง ได้แก่ Sunshine : ยุทธการสยบพระอาทิตย์ (2007) ร่วมกับ คิลเลียน เมอร์ฟี และ คริส อีแวนส์, The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor (2008) เป็นการกลับมาร่วมงานกับนักแสดงแอกชัน หลี่ เหลียนเจี๋ย และเบรนแดน เฟรเซอร์ [9]รวมถึงยังมีภาพยนตร์ทางฝั่งตะวันออก ได้แก่ Reign of Assassins นักฆ่าดาบเทวดา (2010) ซึ่งได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเวที Asian Film Award for Best Actress ในปี 2011 ได้รับบท ออง ซาน ซูจี สตรีผู้นำการต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าในภาพยนตร์ชีวประวัติเรื่อง The Lady : อองซานซูจี ผู้หญิงท้าอำนาจ[10] และเธอได้ถูกทางการพม่าขึ้นบัญชีดำในช่วงเวลาหนึ่ง[11]

ในปี 2015 มิเชล โหย่ว ได้แสดงในซีรีส์ทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรก ในซีรีส์อเมริกันเรื่อง Strike Back สองพยัคฆ์สายลับข้ามโลก ซีซัน 5 Legacy ในปี 2016 โหย่วได้กลับมารับบทจอมยุทธ์หยูซูเหลียน ใน Crouching Tiger, Hidden Dragon II - The Green Destiny : พยัคฆ์ระห่ำ มังกรผยองโลก 2 ชะตาเขียว และกลับมาร่วมแสดงอีกครั้งกับ เจินจื่อตัน[12] จากนั้นได้เข้าสู่จักรวาลมาร์เวลในภาพยนตร์ Guardians of the Galaxy Vol. 2 : รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 2 ในบทหนึ่งในผู้นำราเวนเจอร์ Aleta Ogord[13]

ในปี 2017-209 มิเชล โหย่ว ได้แสดงซีรีส์ไซไฟในแฟรนไชส์ Star Trek คือ Star Trek: Discovery สตาร์ เทรค: ดิสคัฟเวอรี่ ในบท ฟิลลิปา จอร์จู[14] ซึ่งต้องแสดงสองบทบาท ได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงรับเชิญยอดเยี่ยมจากเวที Saturn Award รวมถึงได้รับความนิยมจนให้เกิดภาคแยก (Spin-off) ของตัวละครฟิลลิปา จอร์จู[15] ในปี 2018 มิเชล โหย่ว ได้ร่วมนำแสดงในภาพยนตร์ Crazy Rich Asians เหลี่ยมโบตั๋น ในบท เอลินอร์ ยัง[16] ซึ่งประสบความสำเร็จทั้งรายได้ ภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้ที่ทำรายได้สูงสุดในทศวรรษนี้ และเข้าชิงรางวัลจากภาพยนตร์คอเมดีจาก Golden Globe Awards, Critics' Choice Awards, Satellite Awards[17] รวมถึงกลับมาแสดงบทแอกชันกังฟูในภาพยนตร์ในจักรวาลยิปมัน Master Z: Ip Man Legacy ยิปมัน ตำนานมาสเตอร์ Z ในบทเจ้าแม่หัวหน้าแก๊งมาเฟีย

มีการประกาศว่ามิเชล โหย่ว จะร่วมแสดงในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ภาคต่อ Avatar อวตาร ในบทนักวิทยาศาสตร์ ดร. แคริน่า โมค ซึ่งจะแสดงตั้งแต่ภาค 2 ถึงภาค 5[18]